We’re not just dreaming, we’re systematically doing it!

อีเมล์ mbse@norasi-team.com
โทร. 09-2432-0553

3 ปัญหาในวิศวกรรม

Complexity
C



Communication
U



Understanding

3 ปัญหาที่สามารถพาโครงการวิศวกรรมไปเผชิญกับความยากลำบากโดยไม่ได้ตั้งใจคือ การสื่อสาร (Communication), ความเข้าใจ (Understanding) และ ความซับซ้อน (Complexity)

การสื่อสาร

การสื่อสารระหว่างทีมพัฒนาระบบ ทีมผู้ใช้ และทีมผู้จัดการ เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าการสื่อสารไม่ชัดเจนหรือไม่ต่อเนื่อง อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิด หรือความต้องการที่ไม่ถูกต้องถูกส่งต่อไปยังขั้นตอนการพัฒนา ซึ่งอาจทำให้เกิดความล่าช้าหรือระบบไม่ตอบโจทย์

  • (IF) Communication--
    สื่อสารในงานวิศวกรรม ขาดการตระหนักถึงรายละเอียดและเหตุผลของคุณสมบัติขององค์ประกอบระบบ สารและข้อมูลไม่ได้ถูกส่งไปยังคนที่ใช่ ในเวลาที่เหมาะสม
  • (THEN) Understanding--
    การขาดความเข้าใจในบริบทที่จำเป็นต่อความสำเร็จ อาจทำให้เกิดการใช้แนวคิดและการปฏิบัติที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการจริง นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่ตรงเป้าหมาย
  • (THEN) Complexity++
    ความซับซ้อนจะทวีความรุนแรงเมื่อมีข้อจำกัดด้านเวลาและงบประมาณ ซึ่งอาจทำให้เสียโอกาสในการทำงานเป็นทีมอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความเสี่ยงต่อการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ไม่จำเป็น

ความเข้าใจ

การทำให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องมีความเข้าใจตรงกันเกี่ยวกับระบบนั้นเป็นความท้าทาย การที่แต่ละคนมีความเข้าใจแตกต่างกันเกี่ยวกับวิธีการทำงานหรือเป้าหมายของระบบอาจส่งผลต่อการทำงานของทีม และอาจทำให้เกิดปัญหาต่อการพัฒนาระบบในระยะยาว

  • (IF) Understanding--
    ขาดความเข้าใจในระบบอย่างเพียงพอจะทำให้ไม่สามารถเชื่อมโยงและผสานหลายมุมมองจากทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานร่วมกันภายใต้ระบบเดียวกันได้
  • (THEN) Complexity++
    ความซับซ้อนจะเพิ่มขึ้นทันทีเมื่อไม่มีความเข้าใจที่เพียงพอต่อปัญหาและแนวทางแก้ไขที่สอดคล้องกับตัวแปรทั้งภายในและภายนอกองค์กร ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสี่ยงและการสูญเสียที่ไม่คาดคิด
  • (THEN) Communication--
    การสื่อสารในงานวิศวกรรมเน้นเหตุผลในคุณสมบัติและองค์ประกอบของระบบ รวมถึงการทำงานร่วมกันระหว่างทีมงานและผู้บังคับบัญชา หากขาดความเข้าใจที่ดีพอจะทำให้เกิดการส่งสารที่ผิดพลาด ความเข้าใจคลาดเคลื่อน และความคาดหวังที่ไม่ตรงกัน ซึ่งอาจนำไปสู่ข้อตกลงและข้อผูกพันที่ไม่สามารถยอมรับได้

ความซับซ้อน

ในงานวิศวกรรมระบบ ระบบหนึ่งๆ มักมีหลายองค์ประกอบที่เชื่อมโยงกัน การทำงานร่วมกันของส่วนต่างๆ นี้สร้างความซับซ้อนขึ้น ซึ่งการจัดการกับความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นของระบบอาจนำไปสู่ข้อผิดพลาดหรอืความล้มเหลวหากไม่ได้จัดการอย่างดี

  • (IF) Complexity++
    ความซับซ้อนเพิ่มขึ้นทุกวัน
  • (THEN) Understanding--
    การทำความเข้าใจระบบที่ซับซ้อนเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างระมัดระวัง หากไม่มีการจัดการกับความซับซ้อนอย่างเหมาะสม จะทำให้การเข้าใจระบบนั้นยากขึ้น และอาจทำให้มองข้ามประเด็นสำคัญที่อาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่ตามมา
  • (THEN) Communication--
    การสื่อสารเรื่องที่ซับซ้อนเป็นสิ่งที่ท้าทายเสมอ หากขาดการจัดการความซับซ้อนอย่างเหมาะสม อาจทำให้การสื่อสารขาดประสิทธิภาพ ไม่สามารถถ่ายทอดประเด็นสำคัญให้ตรงเวลาและไปยังบุคคลที่เหมาะสมได้

บริการวิศวกรรมระบบ วิธีการรับมือกับทั้ง 3 ปัญหา

การสร้างแบบจำลองเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการทางวิศวกรรม วิศวกรทุกสาขาสร้างแบบจำลองของระบบที่ตนตั้งใจจะสร้าง เช่น ซอฟต์แวร์ สะพาน เครื่องบิน เพื่อบันทึก ทดสอบ และตรวจสอบความคิดของตนกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรายอื่นก่อนจะเริ่มกระบวนการผลิตที่ยาวนานและมีค่าใช้จ่ายสูง Model Driven Engineering (MDE) เป็นวิธีการทางวิศวกรรมที่พยายามลดความซับซ้อนที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ โดยส่งเสริมการใช้แบบจำลองเน้นที่ความซับซ้อนที่จำเป็นของระบบในฐานะสิ่งประดิษฐ์ชั้นยอดของกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ ซึ่งแตกต่างจากวิธีการพัฒนาซอฟต์แวร์แบบเดิมที่แบบจำลองส่วนใหญ่ใช้เพื่อการสื่อสารและวัตถุประสงค์ในการจัดทำเอกสารภายหลัง ใน MDE แบบจำลองเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มีชีวิตและวิวัฒนาการหลัก ซึ่งสิ่งประดิษฐ์ในการพัฒนาที่เป็นรูปธรรมสามารถผลิตได้ในลักษณะอัตโนมัติผ่านการแปลงแบบจำลองเป็นแบบจำลองและจากแบบจำลองเป็นข้อความ

วิศวกรรมขับเคลื่อนด้วยแบบจำลอง

วิศวกรรมแบบขับเคลื่อนด้วยแบบจำลอง (MDE - Model-Driven Engineering) คือแนวทางปฏิบัติที่ยกระดับแบบจำลองให้เป็นหัวใจสำคัญของกระบวนการวิศวกรรมโดยใช้แบบจำลองในการวิเคราะห์ จำลอง และให้เหตุผลเกี่ยวกับคุณสมบัติของระบบที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และท้ายที่สุด สามารถสร้างส่วนสำคัญของงานด้วยขั้นตอนแบบอัตโนมัติ. MDE นำหลักการและแนวทางปฏิบัติด้าน วิศวกรรมระบบที่เชื่อถือได้และเป็นที่ยอมรับมายาวนานมาปรับใช้กับวิศวกรรมซอฟต์แวร์ (เป็นเรื่องที่คิดไม่ถึงเลยที่จะเริ่มสร้างสะพานหรือเครื่องบินโดยไม่ออกแบบและวิเคราะห์โมเดลหลายๆ โมเดลเสียก่อน) และมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในองค์กรที่ผลิตซอฟต์แวร์ที่สำคัญต่อความปลอดภัย (เช่น ในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ ยานยนต์ และหุ่นยนต์) ซึ่งข้อบกพร่องอาจส่งผลร้ายแรง (เช่น การสูญเสียชีวิต) หรืออาจต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงในการแก้ไข (เช่น ต้องเรียกคืนผลิตภัณฑ์ในปริมาณมาก) นอกจากนี้ MDE ยังถูกนำมาใช้กับระบบในหลากหลายโดเมนมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีประโยชน์ด้านผลิตภาพและความสม่ำเสมอ (ส่วนใหญ่มาจากการสร้างโค้ดอัตโนมัติ)

เครื่องมือและวิธีการ

Eclipse Capella (Open Source MBSE solution, Arcadia Method, Obeo Digital Thread and Multi-User Environment Solution)

Astah (SysML, UAF, STAMP/STPA, GSN/D-Case, ASAM SCDL)

IBM Engineering Lifecycle Management (Requirement Management, Systems Design, Test Management, Asset Managementm Workflow Management)

พันธมิตรทางอุตสาหกรรม

ทีมงานบริหาร

วรเชษฐ์ เจริญสวัสดิ์ | Vorachet Jaroensawas(MSc Software Engineering, BEng Electronic Engineering)
ผู้จัดการฝ่ายโครงการและบริการวิศวกรรม, ครูฝึกเชิงปฏิบัติการ (>500 teaching hrs), ที่ปรึกษาองค์กร, นักระบบ, นักโมเดลระบบ OMG Certified Systems Modeling Professionals OCSMP MU & MBF since 2015 (expired)
สมาชิกสมาคมวิชาชีพด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ NDIA ID1590773 - active, วิศวกรรมระบบ INCOSE ID42112 - active และวิศวกรรมค่าใช้จ่าย AACE ID446758 - active
ประวัติการทำงาน